วันจันทร์

สามทหารเสือ


สามเสือบูรพา

ซาป๊ะตังโฮ้ว..สามเสือบูรพา ประกอบด้วยพี่ใหญ่ป๊ะวิด พี่รองป๊ะป๊อก และน้องสามป๊ะยุด... 

ถึงแม้จะมิได้โด่งดังเช่นเดียวกับ "เล่าปี่ กวนอู เตียวหุย" แต่อำนาจบารมีในตงง้วนยุคที่ "หมัดใครใหญ่กว่าก็เสียงดังกว่า" นั้น หาได้เป็นรอง "สามพี่น้องแห่งสวนท้อ" แม้แต่น้อย

พี่น้องทั้งสามล้วนเป็น "สุดยอดฝีมือ" ของยุทธภพ ต่างก็เคยดำรงตำแหน่ง "มือกระบี่หน้าบัลลังก์" มาแล้วทั้งสิ้น...

แต่หากจะพูดถึง "วาสนา" แล้วไซร้  คงต้องยกตำแหน่ง "ผู้มีวาสนาอันดับหนึ่งของแผ่นดิน" ให้กับน้องสามป๊ะยุด...

เพราะเมื่อคราวที่ "เทพแห่งเทือกเขาแดนใต้" ส่งเทียบประลองกับท่าน "จอมยุทธหญิงแห่งแดนเหนือ" ชิงความเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแผ่นดิน "ตงง้วน" นั้น...

ในขณะที่ ทั้งสองฝ่ายกำลัง "โรมรันพันตู" ดังที่ได้เคยกล่าวไปแล้วนั้น...

แต่ในที่สุดตำแหน่ง "ประมุขบู๊ลิ้ม" ก็ตกไปอยู่ในมือของท่าน "ป๊ะยุด" แบบชิล ชิล โดยมิต้องลงแรงแต่อย่างไร...

แต่หลังจากที่ท่านได้เข้า "ควบคุม" ยุทธภพแล้ว ท่านถึงได้รู้ว่ามันเป็น "ทุกขลาภ" อย่างแท้จริง...

ลำพังแค่การ "บริหาร" ปกครองยุทธภพก็สร้างความ "ปวดเศียรเวียนเกล้า" ให้กับท่านจนโรคกะเพาะกำเริบเกิดเป็นความ "ฉุนเฉียว"

แล้วยังจะมีพวกขบวนการ "อั๊งยี่" คอยเคลื่อนไหวอยู่ใต้ดิน วันวันคิดแต่จะ "กู้หมิง" จนทำให้ท่านต้อง "เสียเซลล์" อยู่บ่อยๆ

แถม "องค์กรลับ" ที่มีเครือข่ายโยงใยไปทั่วทั้งแผ่นดินตงง้วน ยังมาคอยบงการพยายามจะ "ขอโน่นขอนี่" 

ประมุขบู๊ลิ้มกับหัวหน้าองค์กรลับ
ทำให้ท่านไม่อาจจะ "บริหาร" งานได้สะดวกราบรื่นตามแนวความคิดของท่าน... 

แต่อย่างน้อยท่านก็คอยขวางมิให้องค์กรลับนั้น "กระทำการ" ย่ำยียุทธภพได้อย่างง่ายๆเช่นกัน...

มันจึงเป็นการประจันหน้าแบบ "มิสบสายตา" เพราะเกรงว่า "ฟ้าจะผ่าเปรี้ยง" ระหว่างท่าน "ประมุข" กับ "หัวหน้าองค์กรลับ" ที่ต่างฝ่ายต่างก็มีที่ถือดี...

การแต่งตั้ง "สังฆราชา" และเรื่องของ "มหาสมณ" แห่งวัดใหญ่ จึงเป็นประดุจเวทีประลองกำลัง...

องค์กรลับ... อาศัยหลวงจีนทุศีลอี้ซาร่า ร่วมมือกับขุนนางกังฉินไพเบี้ย โดยการสนับสนุนของหัวหน้าตงฉ่างบิ๊ต๊อก

คอยตีฆ้องร้องป่าวเที่ยวปิดประกาศไปทั่วเมือง แถมฟ้องร้องวุ่นวายสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นแก่มวลชน...

แล้วอาศัยจังหวะชุลมุน "ตีปลาหน้าไซ" แอบยื่นเรื่องต่อไปให้ ผู้ตรวจการแผ่นดิน...

"งุบงิบ" กลับมาให้ฝ่าย "ลวี่ปู้"..ประมาณว่ากฤษฎีกา รีบออกเป็นกฎหมายเร่งด่วน...ว่า "ใคร" จะมีสิทธิ์เสนอชื่อ "สังฆราชา"

"ชะตากรรม" ของบู๊ลิ้มแผ่นดินตงง้วนจะเป็นเช่นไร...

"สถาบันสงฆ์" จะถูกโยกคลอนหนักหนาเพียงไหน...

ท่าน "ป๊ะยุด" จะยึดถือ "คุณธรรม" ดังเช่น "สามพี่น้องแห่งสวนท้อ"

คอยปกป้อง "สมณชีพราหมณ์" ดุจดั่ง "ทหารเสือ" หรือจะเป็นเพียงแค่ "โจโฉ" ที่หม่อมคึกฤทธิ์ท่านเปรียบว่า "นายกตลอดกาล"... ก็คงจะต้องติดตามกันต่อไปนะครับ

พ.พเนจร



วันอาทิตย์

เทพหรือมาร...


เตียบ่อกี้

"เตียบ่อกี้" ตอนเด็กเคยถูกฝ่ามือเยือกเย็นของสองมารเฒ่าฟาดใส่ ความจริงจะต้องตายไปแล้ว... 

โชคดีที่ "เตียซำฮง" ใช้ลมปราณบริสุทธิ์คอยสกัดพิษเย็นในตัวไม่ให้กำเริบทำให้ยืดอายุมาได้...

วันหนึ่งในขณะวิ่งหนีศัตรูได้พลัด "ตกเขา" จนในที่สุดฝึกได้ยอดวิชา..เก้าสุริยัน ขจัดพิษเย็นในตัวจนหมดสิ้นแถมมีกำลังภายในเพิ่มพูน...

ว่าไปแล้วก็แปลก เด็กใกล้จะตายกลับกลายเป็น "จอมยุทธ์" แถมตอนหลังได้ขึ้นเป็นถึง "ประมุขพรรคจรัส" สร้างวีรกรรมมากมาย...

อย่างโบราณท่านกล่าวไว้จริงๆ แข่งเรือแข่งพายยังแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนาอย่าได้แข่ง

ทำให้นึกถึงเรื่องหนึ่งในยุทธจักร เป็นที่กล่าวขานร่ำลือกันมาหลายร้อยปี...แต่ก็เห็นยังมีเกิดขึ้นในปัจจุบัน และคิดว่าก็คงมีต่อไปจวบจนอนาคตกาล 


ยิ่งเล่อเหนียงเหนียง
ครั้งนั้นได้มีการช่วงชิงตำแหน่ง "ประมุขบู๊ลิ้ม" ระหว่าง "เทพแห่งเทือกเขาแดนใต้" กับ "จอมยุทธหญิงแห่งแดนเหนือ"...ยิ่งเล่อเหนียงเหนียง

การต่อสู้เป็นไปอย่างคู่คี่ก่ำกึ่ง ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ...

ในขณะ "เข้าดาบเข้ากระบี่" นั่นเอง ก็ปรากฎมือกระบี่หน้าบัลลังก์ท่าน "ป๊ะยุด" หัวหน้าพรรคไผ่เขียวออกมา "อย่าศึก"

ท่านป๊ะยุดคงเห็นว่าการประลองนั้นยืดเยื้อ จนเกือบจะกลายเป็นมวยล้มต้มคนดู เลยอดรนทนไม่ไหวสั่งยกเลิกการประลอง แล้วรับตำแหน่งประมุขเสียเอง...อ๊าวว์ นี่มันยิ่งกว่าต้มคนดูอีกนะเนี่ย เขาเรียกปล้น

หลังจากรับตำแหน่งประมุขบู๊ลิ้ม หน้าที่เคยยิ้มก็เริ่มบึ้ง ที่เคยคุยจ๊ะคุยจ๊า ก็เริ่มมีแต่คำถามว่าทำไมทำไม... 

แล้วท่านก็บอกว่าไม่ได้อยากจะเป็นหรอกนะ แต่ไม่อยากเห็นยุทธภพ "วุ่นวาย" เลยจำต้องรับ "ตำแหน่ง"

เรื่องอื่นก็ว่ากันไปไม่ได้เกี่ยวกับเรา แต่มา "เอ๊ะใจ" อยู่เรื่องหนึ่ง คือเรื่องจะแต่งตั้ง "สังฆราชา" แห่งสถาบันสงฆ์

จริงๆมันก็ไม่น่าจะมีไรแปลกประหลาด ก็ "ฝ่ายสงฆ์" ท่านก็ทำกันมาหลายร้อยหลายพันปีแล้ว... 

หลวงจีนทุกวัดในยุทธภพก็ไม่มีใครเคยคัดค้าน หรือแสดงความเห็นต่างอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้... 

เพราะถือว่าเมื่อ ไต้ซือ ต้าซือ ฝ่าซือ ท่านจ๋างเหล่าทั้งหลาย "เห็นพ้องต้องกัน" แล้วก็ไม่น่ามีอะไรผิดพลาดและท่านก็ "คัดเลือก" ของท่านมากันเองตลอด

แต่เผอิญมีหนึ่งหลวงจีนทุศีล..อี้ซาร่า หนึ่งขุนนางกังฉิน..ไพเบี้ยผู้สามหาว เที่ยวร้องเรียนไปยังกรมเมืองไปยังตงฉ่าง จนถึง "ผู้ตรวจการแผ่นดิน" ว่าการ "แต่งตั้ง" นี้เห็นจะให้เกิดขึ้นมิได้ เพราะพวกเรายังไม่เห็นด้วย...ก็งงอยู่เหมือนกันว่าทำไมจะต้องให้พวกมรึงเห็นด้วย


หอชุ่ยซัว
ชาวบ้านทั้งหลายก็รอให้ทางการ "จัดการ" กับคนกลุ่มนี้ เพราะอดรนทนไม่ไหวกับพฤติกรรมที่ต่ำถ่อยของหลวงจีนทุศีลอี้ซาร่านั่น...

รวมถึงความ "กังฉิน" ของเหล่าขุนนางทั้งหลายที่กินเงินภาษีของราษฎร แต่กลับแอบไปนอนอยู่บนหอชุ่ยซัว.. ชื่อของหอนางโลม

เมื่อเห็นว่าทางการมิได้มีมาตรการที่จะจัดการกับคนกลุ่มนี้!!!

หลวงจีนทุกวัดในแผ่นดินจึงรวมพลังกันขอให้ท่าน "ป๊ะยุด" ช่วยนำเสนอต่อฮ่องเต้ ให้เรื่องมันจบลงตามเจตจำนงค์ของ "พสกนิกร" ทั้งแผ่นดิน

อันว่าท่านป๊ะยุดนั้น สงสัยงานบริหารยุทธภพคงจะทำให้ท่านวุ่นวายจนลืมกินลืมนอน สมองก็เลยมึนงงไปช่วงหนึ่ง... 

โชคดีที่ฮูหยินของท่านได้เสาะหา "โสมพันปี" จากยอดเขาเทียนซาน บวกกับ "บัวหิมะ" จากดอยปวยเอี๊ยงมาปรุงเป็นยาบำรุง...

ทำให้ท่านนอกจากจะกลับมามีสมองแจ่มใส แถม "พลังวัตร" ยังเพิ่มพูนจนคาดว่าจะ "ปกครองยุทธภพ" ไปได้อีกหลายปี

ท่านก็เลยให้ประกาศไปทั่วยุทธภพว่า ถ้ายังมีความ "ขัดแย้ง" อยู่ท่านไม่สามารถกราบทูลต่อฮ่องเต้ได้... สงสัยท่านลืมว่าตอนท่านเข้ามามันยิ่งกว่าขัดแย้งอีก

คิดไม่ถึงว่าท่านกลับใช้กระบวนท่า หลอกล่อซ้ายจู่โจมขวา สร้างประเด็นของท่านมหาสมณแห่งวัดใหญ่ให้เป็นข่าวครึกโครม...

ตอนแรกก็บอกว่ารอให้เลิก "ขัดแย้ง" ตอนหลังกลับจะให้ฝ่าย "ลวี่ปู้"..ประมาณว่ากฤษฎีกา แอบยัดไส้ในการแก้กฎหมาย...

ต่อไปจะให้ "ประมุขบู๊ลิ้ม" เป็นคนเสนอชื่อแต่งตั้ง "สังฆราชา" แทนที่จะมาจาก "สมาคมจ๋างเหล่า"..ประมาณว่ามหาเถรสมาคม

องค์กรลับ
หลวงจีนทุศีลอี้ซาร่ากับขุนนางกังฉินไพเบี้ย ผู้เป็น "สุนัขรับใช้" ให้กับองค์กรลับได้ "ก่อกวน" จนยุทธภพปั่นป่วนวุ่นวาย...

ฝ่ายลวี่ปู้ผู้ออกกฎหมายเลยถือโอกาส "จับปลาตอนน้ำขุ่น" ยัดไส้การแต่งตั้งสังฆราชา ตามบัญชาขององค์กรลับ

"ศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก" บ้านเมืองที่เคยอยู่อย่างสงบสุขมาหลายร้อยปี  ฤาจะต้องถึงครากลียุค...

สถาบันสงฆ์ที่เคยได้รับการเคารพยกย่องอย่างสูง ต้องมาแปดเปื้อนจากการใส่ร้าย "ป้ายสี" ของพวกทุศีล

ส่วนท่านประมุข "ป๊ะยุด" จะดำรงตนเป็น "พุทธศาสนิกชนที่ดี" ไม่ยอมทำผิดต่อ "จารีตประเพณีของบรรพชน" 

ประพฤติตนเป็น "วีรบุรุษ" เฉกเช่นเตียบ่อกี้... อาศัยวาสนาในคราเคราะห์ "ผดุงคุณธรรมค้ำจุนยุทธภพ" หรือจะยอม "ศิโรราบ" ต่อองค์กรลับ ก็คงต้องต่อกันครั้งหน้านะครับ

พ.พเนจร