วันศุกร์

หลวงจีนทุศีล"อี้ซาร่า"




พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใน "ยุทธภพ" ช่วงนี้ หากไม่เอ่ยถึง หลวงจีนทุศีลอี้ซาร่า ก็คงจะไม่สมบูรณ์ เหมือน "เจี๊ยก๋วยเตี๋ยวไม่มีตะเกียบ ไปเที่ยวแต่ไม่มีสตางค์"

หลวงจีนท่านนี้ มีประวัติโชกโชน ทั้งกรรโชกทรัพย์จากโรงเตี๊ยม ทั้งปิดเส้นทางคมนาคม บางทีก็แอบโรยตะปูเรือใบ แบบว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับศีลหรือวินัยนั้นไม่ต้องพูด เพราะท่านถือคติว่า "สุราเนื้อผ่านลำไส้ วินัยนั้นอยู่ในใจ"...คือไม่จำเป็นต้องเอาออกมาใช้

ท่านเคยบอกกับลูกศิษย์ใกล้ตัวว่า ท่านนั้นแท้จริงแล้วคือ นักพรตผู้มีฌานกลับชาติมาเกิด เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่า ท่านจะดูอายุยังน้อย แต่ต้องนับอายุชาติที่แล้วของท่านด้วย...น่าจะรีบให้กลับไปเกิดใหม่อีกซักรอบ

ด้วยเหตุนี้ ท่านจึง "มักอย่างมาก" ที่จะให้คนเรียกท่านว่า "จ๋างเหล่า"(หมายถึงบวชมานานประมาณว่าหลวงปู่)  แทนที่จะเรียกว่าหลวงจีน เพราะมันดูมีเครดิตดีกว่ากันเยอะเลย จ๋างเหล่าอี้ซาร่า..แหมม ฟังแล้วยังเคลิ้มเลย

หลวงจีนอี้ซาร่านั้น ในอดีต เคยถูกขับออกจากสถาบันสงฆ์ เนื่องเพราะความมักใหญ่ใฝ่สูง อยากจะได้ตำแหน่ง "ต้าซือ" ที่ให้การอุปสมบทแก่กุลบุตรได้ และสามารถปกครองหลวงจีน ในเขตเมืองรอบนอก ถึงกับ โกงอายุพรรษาให้เข้ากับกฏเกณฑ์ที่กำหนดไว้ แต่โดนจับได้ซะก่อน

เมื่อเรื่องเงียบลง ก็แอบกลับมาใหม่ พร้อมกับ ความแค้นในใจ ที่มีต่อจ๋างเหล่าทั้งหลายทั่วแผ่นดิน โดยเฉพาะกับผู้ที่เป็นตัวแทนใน "สมาคมจ๋างเหล่า" ที่คอยดูแลบริหารสถาบันสงฆ์ และพุทธศาสนิกชน ที่ศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา





คิดไปคิดมา คิดจนธาตุไฟเข้าแทรก "กระอักเลือดไปเจ็ดวัน" แต่แค้นนี้ต้องชำระ จึงยอมตัวเป็น "สุนัขรับใช้" ให้กับ องค์กรลับ เพราะหวังว่าวันหนึ่งจะต้องโค่นสมาคมจ๋างเหล่าให้ได้ แล้วสถาปนาตัวเองขึ้นเป็น สังฆราชาพ่วงด้วยตำแหน่งราชครู





ฝนตกขี้หมูไหล คนอะไรอะไรก็มารวมกันหละทีนี้ "องค์กรลับ" ที่มีเป้าหมายจะควบคุม "ยุทธภพ" แบบลับๆ ก็เลยได้หลวงจีนอี้ซาร่ามาเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน อาศัยจีวรของพระพุทธองค์ บวกกับมีวิชาคงกระพัน ระฆังทองคุ้มกาย จึงกร่างไปได้ทั้งแผ่นดิน...จริงๆก็ไปได้แค่เทพนครกับรอบๆ ขืนออกไปไกลมาก ระฆังทองก็อาจจะแตกได้ หากเจอ "วิชาสิบแปดเท้าปราบสุนัข" เข้า

ผลงานของหลวงจีนอี้ซาร่าที่เข้าตาท่านหัวหน้าองค์กรคือ การที่ท่านกับ "ไพเบี้ย ผู้สามหาว" เที่ยวตีฆ้องร้องป่าว ประกาศไปทั่วว่าการตั้ง "สังฆราชา" องค์ใหม่นั้น ยังกระทำมิได้ เพราะมิถูกต้องตามกฏเกณฑ์ของฝ่ายบ้านเมือง

เพราะหากทำตามที่ "สมาคมจ๋างเหล่า" เสนอขึ้นมานั้น อาจจะกระทบกระเทือนถึงพระราชอำนาจของฮ่องเต้ อันการจะเสนอชื่อ "สังฆราชา" ขึ้นไปทูลต่อฮ่องเต้นั้น สมควรให้ประมุขบู๊ลิ้มคือท่าน "ป๊ะยุด" เป็นผู้เสนอ 

ปกติเรื่องของฝ่ายสงฆ์ สงฆ์ก็จัดการกันไปเอง ฝ่ายทางการหรือบ้านเมืองเพียงแค่รับทราบและส่งต่อไปยังฮ่องเต้ โปรดเกล้าเป็นราชโองการลงมา ให้ปฏิบัติตามที่สงฆ์ต้องการ  ก็เป็นไปอย่างนี้มาหลายร้อยหลายพันปี



วิชาระฆังทองคุ้มกาย 

แต่อย่างว่า เมื่อมีหลวงจีนอี้ซาร่า ที่ฝึกวิชา "ระฆังทองคุ้มกาย" และ "มือลึกลับ" คอยบงการ สั่งการ  ให้หัวหน้าหน่วยงานต่างๆ คอยเออออห่อหมก เอาศรีษะยกก้นอี้ซาร่าไว้เวลาเดินทางไปหา พร้อมกับแจ้งไปยังกรมสื่อสาร ให้ปิดประกาศไปทั่วเมือง ตามคำร้องขอของหลวงจีนอี้ซาร่า


ถึงแม้ราษฎรทั้งแผ่นดินจะไม่เห็นด้วย และก็รู้ว่าผิดขนบธรรมเนียมประเพณีปฏิบัติของฝ่ายสงฆ์ แต่อย่างว่า วิชาระฆังทองคุ้มกายที่หายสาบสูญไปนาน กลับถูกหลวงจีนอี้ซาร่าฝึกมาได้ จนเกิดความครั่นคร้ามไปทั่ว หามีใครที่จะอาจหาญไปต่อกรด้วย



จะว่าไปแล้ว "ยอดฝีมือ" ที่สามารถกระแทกฝ่ามือทำลายวิชานี้ก็มีอยู่ เพียงแต่ยอดคนเหล่านั้น ทั้ง "บรรพชิตและคฤหัสถ์" ก็คร้านที่จะเอา "พิมเสนไปแลกกับเกลือ" อีกทั้งรู้ว่า "ใครคอยชักใย" อยู่เบื้องหลัง จึงใช้ "ความสงบสยบความเคลื่อนไหว" รอเวลาอันเหมาะสมแล้วค่อยกำราบให้เด็ดขาด "ขุดรากถอนโคน" ขบวนการชั่วร้ายขุมนี้


หลวงจีนทุศีลอี้ซาร่า กับไพเบี้ยผู้สามหาว จะร่วมกันก่อวีรกรรมวีรเวร นำไปสู่การเปิดแนวรบประชันชิด ยุทธภพจะปั่นป่วน วุ่นวาย ศาสนจักรจะเข้าสู่ยุคมืดมนอนธกาล หรือกลับมาสว่างไสวเจิดจ้าดังสมัยพุทธกาล ก็ขอให้ท่านผู้อ่านส่งแรงใจ แรงเชียร์ กันด้วยนะคราบ

พ.พเนจร






10 ความคิดเห็น:

  1. ข้าน้อยขอคารวะ

    ตอบลบ
  2. ข้าน้อยขอคารวะ

    ตอบลบ
  3. ไท้ปั๊ง

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ21:26:00

    นับถือ นับถือ

    ตอบลบ
  5. ผู้ทุศีลจะมีตอนจบเยี่ยงไร ขอภาคสองด้วยค่ะ

    ตอบลบ
  6. โปรดติดตามตอนต่อไป

    ตอบลบ
  7. โปรดติดตามตอนต่อไป

    ตอบลบ
  8. ข้านอ้ยขอยกนิ้วให้เลยจ้าสาธุ

    ตอบลบ
  9. หลวงจีนชั่ว..ต้องเอามันไปตัดหัว!555

    ตอบลบ