วันศุกร์

หนึ่งจุดเหลือง


หนึ่งจุดแดง

เหตุเกิด ณ แผ่นดินอันไกลโพ้นกลางทะเล มี "มะพร้าว" ปลูกเต็มไปทั่วผืนดิน ชาวเรือทั้งหลายจึงพร้อมใจกันเรียกว่า..​ กะลาแลนด์ แดนมะพร้าว !!!


หนึ่งจุดแดง... เป็นบุรุษ เป็น "นักฆ่า" ใช้กระบี่ที่ทั้งแคบทั้งเรียว ฆ่าคนโดยไม่เห็นเลือด.... 

จวบจน "เขา" พลิ้วกายหายไปแล้ว ค่อยปรากฎ "จุดแดง" บนคอหอยของศัตรู อันเกิดจากปลายกระบี่ เห็นถึงฝีมือที่ทั้งรวดเร็ว.. ดุดัน

หนึ่งจุดเหลือง... เป็นขบวนการ เป็นองค์กร "จัดตั้ง" ใช้มวลชนต่อสู้กับทางการ....

มีผ้าโพกหัวสีเหลืองเป็น "สัญลักษณ์" กับ "ขลุ่ย" ไม้ไผ่สามสี ไว้คอย "เป่า" ไล่ศัตรูให้เกิดความ...ครั่นคร้าม





หนึ่งจุดเหลือง... หลังจากโค่นประมุขบู๊ลิ้ม "ทั่งสิน" ได้ ก็ยิ่งสยายปีก ขยายอิทธิพล "ครอบคลุม" ไปทุกวงการ.... 

ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า.. คหบดี.. นักแสดงงิ้ว.. ขุนนางบุ๊น.. ขุนพลบู๊.. จนสามารถ "แทรกซึม" เข้าไปในราชสำนัก "ซื้อตัว" นางสนม กำนัล ขันที แม้กระทั่ง.. หมอหลวง !!!!

จนกล่าวได้ว่าสามารถใช้ "ฝ่ามือบังฟ้า" พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน เรียกลมเรียกฝนกันได้ทีเดียว....

เช่นคดี "ฆาตกรรม" ที่เกิดขึ้นบนชั้นที่ 6 ใน กรมสอบสวนพิเศษ อย่างมีลับลมคมใน.. "หมอหลวง" ที่ทำหน้าที่ "ชันสูตรศพ" นอกจากจะรู้ "สาเหตุ" ของการตายแล้ว ว่าเกิดจาก "ตับแตก" ยังสามารถ "ทำนาย" ว่าอะไรเป็นเหตุจูงใจของการฆาตกรรม.. สุดยอด !!!!!




ราษฎรในเทพนคร "ล้วนกินดีอยู่ดี" เพราะรับใช้ราชสำนัก.. มีเบี้ยหวัดรายปีกิน ไม่ต้อง "ทุกข์ยาก" ในการประกอบอาชีพ....  

บ้างก็เปิดร้านแลกเงิน มี "ทางการ" คอยค้ำประกัน....  

บ้างก็ตั้งโรงกลั่นสุรา "ผูกขาดการค้า" ล้วนไม่มีความเสี่ยงในการลงทุน.... 

คณะ "ละครงิ้ว" ที่ผลัดเปลี่ยนกันมาแสดง สร้างความรื่นเริงบรรเทิงใจให้แก่ผู้คนในเทพนครจึงพลอยได้ทำ "กำไรอย่างงาม"          




กล่าวได้ว่าหากผู้ใด "ปราถนา" จะมีความสุขสบายไม่ต้อง "ดิ้นรน" ทำอะไรให้มาก...

แค่เอาผ้าเหลืองมาโพกศีรษะ แขวนขลุ่ยสามสีไว้ที่ลำคอ กล่าวโทษ "อดีตประมุข" ก็จะได้รับการชุบเลี้ยงเป็นอย่างดี....

และถึงแม้จะมี "ประมุขบู๊ลิ้ม" เกิดขึ้นอีกหลายท่านในภายหลัง แต่ก็ล้วนมิสามารถที่จะกระทำการใหญ่ใดๆได้เลย....  

เพราะจะถูกขบวนการ "หนึ่งจุดเหลือง" คอยสะกัดขัดขวางและหาทางโค่นล้มลงจากตำแหน่ง....

โดยอาศัย "ฝ่ายกฎหมาย" คอยหาช่องว่างรอยโหว่ แล้วรีบส่งให้ศาลไคฟง "ตัดสิน" ไปตามใบสั่ง

สร้างความ "อยุติธรรม" อย่างออกหน้าออกตา..!!! 



แผ่นดินมะพร้าว

ตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนานของ "แผ่นดินมะพร้าว" ราษฎรแม้จะ "ทุกข์ยาก" ลำบากเพียงไหน จะมี "ภัยพิบัติ" ใดๆเกิดขึ้น....  

ไม่เว้นแม้แต่มี "ศึกสงคราม" กับชนชาติป่าเถื่อน  แต่ก็ยัง "รักใคร่" สามัคคีกันดี จะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันมั่ง.... 

แต่ก็มิเคย "อาฆาต" มาดร้าย คิด "เข่นฆ่า" กันเองให้พินาศย่อยยับ "เกลียดชัง" กันเองยิ่งกว่าศัตรูจากต่างถิ่นดังเช่นในยุคนี้....

ขบวนการ "หนึ่งจุดเหลือง" ได้สร้างความ "แตกแยก" อย่างใหญ่หลวงให้ "เกิดขึ้น" บนผืนแผ่นดินอย่างที่มิเคยมีมาก่อน.... 



แม้แต่ใน "ศาสนจักร" ซึ่งพอจะเป็นที่พึ่งให้แก่ราษฎรในยามทุกข์ยาก ก็ยังมี "เภทภัย" ลามเข้าไปถึง....  

"สุนัขรับใช้" ดังเช่นหลวงจีนทุศีล อี้ซาร่า ที่ถือดีว่าตัวเองมีวิชา "ระฆังทองคุ้มกาย" ก็คอยตีฆ้องร้องป่าวสร้างความ "มัวหมอง" ให้เกิดขึ้นแก่สถาบันสงฆ์....

"ขุนนางกังฉิน"  ไพเบี้ยผู้สามหาว ก็เที่ยวฟ้องร้องไปยังกรมกองต่างๆ  "กล่าวตู่" ท่าน "สังฆราชา" ต่างๆนาๆ....

ความ "แตกแยก" ของคนในชาติที่อยู่ในระดับสูงอยู่แล้ว ก็ยิ่งทวีความ "ร้าวฉาน" ขึ้นไปอีกนับร้อยเท่าพันทวี....

ความเคารพที่เคยมีต่อ "สงฆ์" กลายมาเป็น "วิกฤตศรัทธา" อย่างที่มิเคยปรากฏเกิดขึ้นมาก่อน.... 




เมื่อ "ฐานราก" ของการปกครองคือความ "ยุติธรรม" เหือดหาย ศูนย์รวมใจของราษฎรคือสถาบันสงฆ์ก็ถูก "คุกคาม" อย่างหนัก....  

สถานการณ์อันเลวร้ายใน "ยุทธภพ" ที่ดำเนินมาเป็นเวลาหลายสิบปี ตั้งแต่การเกิดขึ้นของ.. หนึ่งจุดเหลือง  

จะดำเนินต่อไปอีกยาวนานหรือจะมาถึงสุดทาง..

โดยเฉพาะเมื่อ "พี่ใหญ่" ของขบวนการหลังจากที่ "ทำงาน" สำเร็จเสร็จสิ้น แต่เนื่องจากเกาะกุม "ความลับ" ไว้มากเกินไป เลยต้อง "รับโทษ" เป็นเวลาถึง.. ยี่สิบปี !!!!

ก็หวังว่าคงจะไม่เกิดเป็นคดี "ปริศนา" เหมือนกับคดี "ตับแตก"  ดังเช่นเจ้าหน้าที่ผู้น้อยที่ทำงานใน.. กรมที่ดินแดนทักษิณ


เจ้าชายม้าขาว


การ "สิ้นสุด" ของพี่ใหญ่แห่ง.. หนึ่งจุดเหลือง จะทำให้ "ขบวนการ" จบสิ้น หรือจะมี "ทายาท" คนใหม่มารับช่วงงาน "สืบสาน" กันต่อไป..

ความอดทนอดกลั้นของ "ราษฎร" ที่ทุกข์ยาก จากการถูกกดขี่ ข่มเหงจากความ "อยุติธรรม" ทั้งหลาย...

และการที่ "สถาบันสงฆ์" ถูก "คุกคาม" รายวันจากขุนนาง "กังฉิน" ตลอดจนเหล่า "มือปราบ" ที่พยายาม "ยัดเยียด"  ข้อหาอย่างตลอดต่อเนื่อง..

ท้ายสุดนี้จะได้มี "ยอดคนงำประกาย" หรือ "เจ้าชายขี่ม้าขาว" มากอบกู้  "แผ่นดินมะพร้าว" นี้หรือไม่ .... ก็คงต้องติดตามกันต่อไปนะครับ

พ.พเนจร



3 ความคิดเห็น:

  1. นิยายเรื่องนี้ เนื้อหาน่าติดตาม สมกับเป็นกะลาแลนด์ เพราะมันทุกหยดจริง ๆ ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหรจะถึงคราว หลวงจีนทุศีลอี้ซาร่า และขุนนางกังฉิน ไพเบี้ยผู้สามหาว เหมืนกับจุดจบพี่ใหญ่ของขบวนการ หนึ่งจุดเหลือง นาาา

    ตอบลบ
  2. "ไพเบี้ยฮูลย์" ผู้นี้แม้มิใช่นักรบระดับขุนศึกแต่ก็หาต่ำต้อยเยี่ยงเบี้ยในกระดานไม่ มิต้องดูอื่นไกลแค่วิชาวิทยายุทธ "เลียอิโอ๊บ" นั้นเหล่าจอมยุทธน้อยใหญ่ก็ต้องตะลึงพรึงเพริดมิใช่น้อย

    ตอบลบ
  3. อ่านสนุกมาก คนแต่งเรื่องนี้น่าจะได้รับรางวัลผลงานวรรณกรรมยอดเยี่ยม

    ตอบลบ